AI613 Class 2 _16 Nov 2010

AI613 Class 2 _16 Nov 2010

ระบบสารสนเทศรูปแบบต่างๆ

Mary Kay เป็นบริษัทขายตรงเครื่องสำอางค์ (คล้ายมีสทีน) ไม่มีหน้าร้านขายสินค้า ดังนั้นจึงอาศัยระบบสารสนเทศในการดำเนินธุรกิจเช่น จัดการระบบ Inventory พนักงานสามารถเช็คสต๊อกสินค้าผ่านมือถือได้, Social Media รวมไปถึงการสั่งซื้อออนไลน์ จะเห็นว่าระบบ IS ช่วยในทุกกระบวนการในการดำเนินธุรกิจ

Data คือสิ่งที่ไม่มีความหมายในตัวเองหรือความหมายน้อยมาก เช่น เห็นตัวเลข 2012 ยังไม่สามารถบอกได้ว่าความหมายมันคืออะไร แต่ถ้าใส่ ค.ศ. เข้าไป จะรู้ความหมายที่ชัดเจนซึ่งก็คือ Information (Information=Data ที่ผ่านการ process ระหว่างทางเกิด Knowledge)

ชนิดของระบบสารสนเทศ

1.       Personal and Productivity Systems  สารสนเทศส่วนบุคคล หรือระดับต่ำสุด เช่น มือถือ

2.       Transaction Processing systems คอยดู transaction ทั้งหมดภายในองค์กร เก็บทุกวัน

3.       Functional and Management Information Systems เป็นระบบสารสนเทศของแต่ละหน่วยงานในองค์กร ในแนว Vertical

4.       Enterprise Systems(Integrated) เชื่อมโยงแต่ละหน่วยงานเข้าด้วยกัน ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เชื่อมโยงแบบ Horizental

5.       Inter-organizational Systems เชื่อมโยงหน่วยงานเข้าด้วยกัน เช่นเชื่อมระบบระหว่างสาขา หรือระหว่างต่างประเทศ

6.       Global Systems เชื่อมหน่วยงานต่างๆเข้าด้วยกันในระดับโลก

7.       Vary Large and Special Systems เป็นระบบสารสนเทศที่มีมาตรฐานระดับสากลไม่ว่าบริษัทเล็กบริษัทใหญ่ก็ใช้ระบบนี้ เช่นธุรกิจจองตั๋วเครื่องบินใช้ระบบ Amadeus

Transaction Processing systems (TPS) ทุกองค์กรต้องมี เป็นระบบที่ถือว่าสำคัญที่สุด เพราะเก็บข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่ละวัน เช่น Payroll,ข้อมูลทางบัญชี,HR เช่นชั่วโมงการทำงานของพนักงาน TPSจะบันทึกข้อมูลและส่งไปให้ MIS ดังนั้นความผิดพลาดจาก TPS จะทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื่องในองค์กร กล่าวคือ output ที่ได้จะผิดพลาด (garbage in garbage out)

Management Information system ระบบข้อมูลสำหรับผู้จัดการระดับกลางเพื่อใช้ในการตัดสินใจ จะมี output เป็น report ที่สามารถนำมาเปรียบเทียบวิเคราะห์ได้

Decision support system - DSS ระบบสารสนเทศที่เก็บข้อมูลทั้งภายในและภายนอกใช้หลักสถิติมาช่วย เพื่อใช้ในการตัดสินใจ

Group decision support systems – GDSS Group Decision ส่วนใหญ่มักทำได้ยาก เพราะฉะนั้นหากมีระบบมาช่วยน่าจะสรุปได้ง่ายขึ้น เช่นระบบโหวตแบบไม่เอ่ยนาม เช่น การประชุมรัฐสภา

Executive support systems – ESS ระบบสารสนเทศที่ช่วยในเรื่องการตัดสินใจในด้านต่างๆสำหรับ Executive ซึ่งรวมข้อมูลจากภายนอกองค์กรด้วย

Enterprise Systems – ระบบสารสนเทศที่เก็บข้อมูลภายในองค์กร และแชร์ข้อมูลกันได้

ERP = บริหารทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ(raw matà customer)  แต่ถ้าไม่ได้เริ่มจากต้นน้ำเรียก customer relationship management (CRM) บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า พยายามรักษาลูกค้าที่ดีไว้ เช่น serenade

Supply Chain Management Systems – ถ้ามีระบบที่ดีจะรู้ว่าตอนนี้มีของเท่าไร กำลังส่งเท่าไร ใกล้ถึงหรือยัง

Knowledge Management Systems ระบบสารสนเทศที่ใช้เก็บองค์ความรู้ภายในองค์กร เพื่อให้มีการแชร์กันในเรื่องความรู้ ทำให้องค์กรทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น (เช่นหากพนักงานลาออกองค์ความรู้ก็จะไม่หายไป) แบ่งความรู้เป็น 2 ประเภท คือ ความรู้ที่ชัดแจ้ง (explicit knowledge) ที่สามารถอธิบายได้ และความรู้ที่ไม่สามารถอธิบายได้(tacit knowledge)

บริษัท NOK เป็นตัวอย่างบริษัทที่มีระบบสารสนเทศที่ดี เป็นบริษัทผลิต Hard disk ส่งออก เค้ามีวีธีทำให้พนักงานมีความสุขกับการทำงาน เช่น พนง.ทุกคนมีคอมพิวเตอร์สามารถเข้า internet ได้

Internet เป็นการส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย

Intranet เป็นการส่งข้อมูลภายในองค์กร ปลอดภัยกว่า internet

Extranet เป็น network ที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างองค์กร ค่อนข้างมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากมีการใส่ encrypt ไว้

Collaboration and Communication system ใช้ส่งเสริมการติดต่อสื่อสารกันของคนภายในองค์กร เช่น e-mail หรือ IM พวก chat (แต่ไม่ค่อยนิยมนัก เพราะอาจทำให้เกิดไวรัส), social network ซึ่งอาจมีการรั่วไหลของข้อมูลได้ ดังนั้น องค์กรใหญ่ๆ มักจะสร้าง social network เพื่อใช้ในองค์กรนั้นๆโดยเฉพาะ, virtual world (โลกเสมือน) เช่น พวกเกมส์ออนไลน์ต่างๆ  ตัวอย่าง secondlife.com

E-business การค้าขายระหว่างองค์กร

E-commerce การซื้อขายขององค์กรกับลูกค้าทั่วไป

E-government เช่น การทำ passport, การเสียภาษี

Data and Text mining พยายามนำข้อมูลที่เก็บไว้มาใช้ประโยชน์

ADS เอาไว้ใช้กับพนักงาน

Web2.0 พวก social media versionที่ 2 ในอดีตเรามักเป็นผู้บริภาคไม่ได้เป็นผู้ผลิต แต่ ver.2 นี้จะทำให้เราสามารถเป็นผู้ผลิต content เอง เช่น facebook, youtube ทำให้เกิด interaction มากขึ้น ต่อไป ver.3 อาจสามารถพูดคุยกันกับคนที่ใช้คนละภาษาได้โดยพิมพ์ภาษาชาติตัวเองได้เลย ทำให้การติดต่อสื่อสารสะดวกมากขึ้น

Web service บริการต่างๆผ่าน internet

Utility computing สัญญาณ internet จะกลายเป็น utility ไปเลย คือหาใช้ได้สะดวก คล้ายๆกับไฟฟ้า น้ำประปา

Pervasive computing

Open source Code Software  เป็นซอฟแวร์ที่ไม่ได้รับการพัฒนามาจากพวกบริษัทต่างๆ(บริษัทค้ากำไร เช่น microsoft)

Virtualization พยายามทำให้ server หลายๆตัว เสมือนมาอยู่ในตัวเดียวกัน เพื่อเพิ่มความเสถียร และประหยัดเงิน

 E-paper

มีลักษณะเหมือนกระดาษ แต่แสดงผลได้เหมือนจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข้อดีดังนี้

·        สามารถอ่านกลางแจ้งได้

·        มีการใช้ back light ให้ความสว่างเพื่อถนอมสายตา

·        สามารถบันทึกข้อความได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า

·        สามารถเปลี่ยนหน้าได้สะดวกเหมือนกระดาษปกติ

·        มีน้ำหนักเบา ทนทาน โค้งงอได้

       Tablet PC

       คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก พกพาสะดวก สามารถออกคำสั่งด้วยเสียงได้ ถูกพัฒนามาจากแนวคิดที่ต้องการใช้ปากกาในการใส่   input มีความสามารถในการจดจำลายมือของผู้ใช้งาน

     ข้อดี – มีน้ำหนักเบา สามารถวางราบกับโต๊ะได้

     ข้อเสีย – ขนาดจอเล็ก ราคาแพง มีคุณสมบัติที่ต่ำกว่า Laptop

ตัวอย่างเช่น Plam pilot, iPad เป็นต้น

       Green IT

        คือการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปกติ IT จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การใช้พลังงานมาก ปล่อยสารที่มีอันตรายจากการผลิตชิ้นส่วน รวมไปถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์

       ข้อดีของการใช้ Green IT

• สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร
• ช่วยลดต้นทุนในเรื่องเทคโนโลยี
• ใช้ IT ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
• ทำให้องค์กรมีภาพลักษณ์ที่ดีอีกด้วย CSR

ตัวอย่างเช่น การลดจำนวน Server ลง เพราะการมี Server จำนวนมากใช้พลังงานมากและยังปล่อยความร้อนมากอีกด้วย

DUNGCHANOK TRIRATSIRIKUL 5202113162